ชื่อย่อ : PR9
ราคาล่าสุด 18.70
เปลี่ยนแปลง (%) +0.30 (1.63%)
1

นโยบาย แนวปฏิบัติและเป้าหมาย ด้านสิ่งแวดล้อม

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งห่วงโซ่อุปทานให้น้อยที่สุด เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาล อาจก่อให้เกิดมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ การปล่อยมลพิษทางอากาศและทางน้ำ การเกิดขยะทั่วไปและขยะอันตราย การใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำ

บริษัทตระหนักว่าการบริหารจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการปลูกฝังจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และส่งเสริมวัฒนธรรมความยั่งยืน (Sustainability Culture) ภายในองค์กร ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ (รายละเอียดผลการดำเนินการที่ด้านสิ่งแวดล้อม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ 3.3.2)

บริษัทมุ่งมั่นดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs เป้าหมายที่ 3, 6, 8, 9, 12, 13 และ 16 ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

เป้าหมายการจัดการด้านความยั่งยืนมิติสิ่งแวดล้อม

เป้าหมายระยะยาว

  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2065
  • ความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050
  • ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกสุทธิ SCOPE 1 , 2 และ 3 มากกว่า ร้อยละ 5 ภายในปี 2571 เทียบกับปีฐาน 2565
2

ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินงานภายใต้กรอบแนวทางหลัก 4 ด้าน ได้แก่

  • การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ - มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • การประหยัดพลังงาน - ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด​
  • การบริหารจัดการและการประหยัดน้ำ - ควบคุมการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมแนวทางลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสีย​
  • การจัดการของเสีย - มุ่งเน้นการลดปริมาณของเสีย การคัดแยกขยะ และการกำจัดของเสียอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม​

ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการและผลการดำเนินงานของบริษัทได้ที่หัวข้อ 3.4.2.1, 3.4.2.2, 3.4.2.3 และ 3.4.2.4

ภายใต้การดำเนินงานทั้งสี่ประเด็นดังกล่าว บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นแนวทาง ลดการใช้ (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)" หรือ 3Rs ตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมทั้งได้นำแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร ลดของเสีย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ เพื่อให้แนวทางดังกล่าวถูกนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในทุกกระบวนการของบริษัท​

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากมาตรการดังกล่าวสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้:

การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในปัจจุบัน สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลกส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับ การติดตามสถานการณ์และแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกำหนด กลยุทธ์และนโยบายด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) เป้าหมายที่ 13 "การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" รวมถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทเอง​

แนวทางดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน​

ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้แนวทาง Recommendations of the Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD)

ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change Risk)

โรงพยาบาลมีการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงสภาพอากาศตามกรอบการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงสภาพอากาศ Framework TCFD (Task Force on Climate-Related Financial Disclosures) ดังนี้

1. การกำกับดูแล (Governance)

  • ผู้บริหารความเสี่ยงด้านสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงร่วมกำกับดูแลในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กรและคณะกรรมการความยั่งยืนร่วมร่วมตัดสินใจในประเด็นสำคัญ
  • คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน จะรับทราบให้ความเห็นและรายงานผลการดำเนินงานบริหารด้านความยั่งยืนและการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศให้คณะกรรมการบริษัท รับทราบเพื่อให้ความเห็นตลอดจนกำกับให้ดำเนินการตามแผนการลดก๊าซเรือนกระจก​
  • คณะกรรมการบริษัทจะกำกับดูแลและให้ความเห็นชอบนโยบายด้านความยั่งยืน แผนการลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงนำนโยบายไปปฏิบัติและติดตามผลดำเนินการ

2. กลยุทธ์ (Strategy) :

  • การประเมินความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risk) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risk) ความเสี่ยงด้านตลาด โดยนำมาเชื่อมโยงกับผลกระทบทางการเงิน
  • กำหนดกลยุทธ์และมาตรการในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดผลกระทบด้านลบและใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ เช่น การลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • วิเคราะห์ผลกระทบของความเสี่ยงสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อกลยุทธ์องค์กรตลอดจนผลกระทบทางการเงิน ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว
  • วิเคราะห์ฉากทัศน์ (Scenario Analysis) พิจารณาถึงผลกระทบต่อธุรกิจภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการวางแผนระยะยาว

3. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

ผสานความเสี่ยงด้านสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change Risk) เข้ากับระบบความเสี่ยงองค์กร Enterprise Risk Management (ERM) โดยมีการระบุ ประเมินความเสี่ยง จัดการและตอบสนองความเสี่ยงด้วยแผนบรรเทาผลกระทบและการปรับตัว (Adaptation and Initiatives) เช่น แผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติ แผนการทำงานกรณีเกิดภัยธรรมชาติ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว เป็นต้น

การประเมินความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ​

4. ตัวชี้วัดและเป้าหมาย (Metrics & Targets) :

  • มีการบันทึกข้อมูลการใช่ก๊าซเรือนกระจกทั้ง Scope 1, 2, 3
  • มีการบันทึกเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว

ผลการดำเนินงานการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในการดำเนินงานการวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทได้กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีฐานในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเปิดเผยข้อมูล โดยครอบคลุมอาคารปฏิบัติการจำนวน 4 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร A อาคาร B และอาคาร O โดยได้คำนวณในสามรูปแบบ ได้แก่ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมตามวิธี Absolute Emission, ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อวันนอนผู้ป่วยรวมตามวิธี Economic Intensity Approach และในปีนี้ ได้มีการเพิ่มเติมการเปิดเผยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อรายได้รวม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยชี้วัดสำหรับการเปิดเผยให้สอดคล้องต่อการเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจกในระดับสากล (Global Reporting Initiative: GRI) มากยิ่งขึ้น โดยการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ต่อเนื่องมาเป็นปีที่สองมีการตั้งเป้าหมายการดำเนินงานครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผ่านการกำหนดกลยุทธ์ทางด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สอดคล้องตามมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-Related Financial Disclosures: TCFD) ในการนำมาซึ่งผลการประเมินความเสี่ยงและโอกาสดังกล่าวมาใช้ในการกำกับดูแล วางกลยุทธ์ และจัดทำแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้บริษัทเห็นถึงการปรับตัวต่อผลลัพธ์ตลอดอย่างทันท่วงที และต่อยอดไปถึงความยั่งยืนระยะยาวได้ในที่สุด

โดยในผลการดำเนินงานของปี 2567 เทียบกับปีฐาน 2565 บริษัทมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อวันนอนผู้ป่วยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 ในขณะที่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อรายได้รวมลดลงร้อยละ 6.4 เมื่อจำแนกการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2567 ตามขอบเขตการรายงาน พบว่า Scope I มีปริมาณ 484 ตัน CO2eq กระจก Scope II เท่ากับ 6,363 ตัน CO2eq และ Scope III เท่ากับ 5,393 ตัน CO2eq

SCOPE III by category

ทั้งนี้ บริษัทได้ประเมินตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และมีการทวนสอบข้อมูลดังกล่าวโดยบริษัท LRQA (THAILAND) LIMITED

แนวทางพัฒนาและจัดการปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผลลัพธ์จากการประชุมรัฐภาคีภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) สมัยที่ 28 หรือ COP28 ได้เพิ่มแรงกดดันและเร่งการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเร่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งมีเป้าหมายในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในศตวรรษนี้ให้น้อยกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม และพยายามรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

บริษัทได้กำหนดแนวทางบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนี้

  • พัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร รวมถึงพิจารณาการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope II
  • นำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการให้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • สร้างการมีส่วนร่วมในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกลยุทธ์ 3Rs สำหรับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope III

การซื้้อคาร์บอนเครดิต

บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและสำรวจราคาคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจในประเทศไทย จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) เพื่อประเมินโอกาสและความคุ้มค่าในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานบริหารความเสี่ยงและนโยบายความยั่งยืนของบริษัท โดยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจะถูกนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจวางกลยุทธ์ในการจัดการคาร์บอนเครดิต ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดซื้อ การจำหน่าย หรือการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

โครงการสนับสนุุนเป้าหมาย Net Zero

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน โดยโรงพยาบาลพระรามเก้านับเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่เข้าร่วมโครงการ “เงินฝากเพื่อความยั่งยืน” (Sustainability Deposit) ซึ่งเป็นโครงการที่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องกับกรอบนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของโรงพยาบาลพระรามเก้า ซึ่งให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โรงพยาบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต

การบริหารจัดการพลังงาน

การใช้พลังงานฟอสซิลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ก่อให้เกิดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศ ในขณะที่โรงพยาบาลมีแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปัจจัยดังกล่าวอาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคม

เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว บริษัทจึงมุ่งเน้นแนวทางการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนและพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เป้าหมายที่ 7: พลังงานสะอาดราคาถูก

การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

กำหนดนโยบาย เป้าหมาย อนุรักษ์พลังงาน และติดตามอย่างต่อเนื่อง​

บริษัทกำหนดนโยบายการจัดการพลังงานเป็นกรอบสร้างการมีส่วนร่วมดำเนินงานในการอนุรักษ์พลังงาน และประยุกต์ระบบการจัดการตามมาตรฐาน ISO14001 รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานอย่างเป็นระบบตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ในปีที่ผ่านมาได้ทำการประเมินสัดส่วนการใช้พลังงาน สถานภาพการจัดการพลังงาน วิเคราะห์ศักยภาพการอนุรักษ์พลังงาน กำหนดมาตรการ ติดตามและประเมินผลการอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงนำเสนอต่อคณะผู้บริหารอย่างต่อเนื่องในการลดความเสี่ยงและลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน

ประเมินสัดส่วนการใช้พลังงาน

โครงการ Solar Rooftop อาคารสำนักงาน

บริษัทได้ดำเนินโครงการติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาอาคารสำนักงาน ซึ่งในปี 2567 นับเป็นมาตรการที่ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุนด้านพลังงานขององค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการติดตั้งเพิ่มเติมในปีหน้า เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดและตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย​

ผลการดำเนินงาน

  • ปี 2567 สามารถช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบได้ถึง 34,765 kWh ต่อปี
  • ปี 2567 สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 178,693 บาทต่อปี

โครงการปรับปรุงบ่อน้ำบำบัดน้ำเสีย

บ่อบำบัดน้ำเสียอาคาร B หลังจากที่เปิดใช้เต็มระบบ พบว่ามีหลายจุดที่ยากต่อการ Operate ระบบ ทำให้การตรวจวัดค่าน้ำประจำเดือน มีหลายค่าที่มีความเสี่ยงต่อการไม่ผ่าน มาตรฐานในอนาคตและอุปกรณ์ทีใช้ในระบบใช้พลังไฟฟ้าทีสูง ทางแผนกระบบงานวิศวกรรม จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงระบบเพื่อการทำงานสะดวกขึ้นและไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต โดย ดำเนินการดังนี้

1. เพิ่มบ่อปรับสภาพ (Equalization Tank) ทำให้ไม่ต้องใช้ Ejector Pump ในกระบวนการบำบัดน้ำเสียอีกต่อไป ส่งผลให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ รวมถึงเสริมสร้างความยั่งยืนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำขององค์กร​​

ผลการดำเนินงาน

  • สามารถลดการใช้ไฟฟ้า 10,656 kWh ต่อปี
  • สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 53,280 บาทต่อปี

2. เปลี่ยนปั๊มเติมอากาศ ปั๊มเติมอากาศบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่ติดตั้งมากับโครงการเป็นแบบ Ejector Pump ในช่วงเวลาที่ปั๊มทำงานมีหลายๆ ครั้งที่อุปกรณ์ทำงานไม่สมบูรณ์ทำให้เติมอ็อกซิเจนได้ไม่เต็มที่ และปั๊มดังกล่าวยังใช้พลังไฟฟ้าที่สูง จึงต้องเปลี่ยนเป็นปั๊มเติมอากาศแบบ Aerator Pump​​​

ผลการดำเนินงาน

  • สามารถลดการใช้ไฟฟ้า 25,776 kWh ต่อปี
  • สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 128,880 บาทต่อป

ผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการพลังงาน​

บริษัทได้กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีฐานในการคำนวณปริมาณการใช้พลังงาน ครอบคลุมอาคารปฏิบัติการจำนวน 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร A อาคาร B และอาคาร O ปริมาณการใช้พลังงานสุทธิตามวิธี Absolute Emission ปริมาณการใช้พลังงานต่อวันนอนผู้ป่วยรวมตามวิธี Economic Intensity Approach และเพิ่มเติมปริมาณการใช้พลังงานต่อรายได้รวม เช่นเดียวภายใต้มาตรฐานการเปิดเผย GRI กับหัวข้ออื่น ๆ

โดยผลการดำเนินงานปี 2567 เทียบกับปีฐาน 2565 ปริมาณการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 17.4 มีอัตราการใช้พลังงานต่อวันนอนผู้ป่วยรวมเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 30.9 และมีอัตราการใช้พลังงานต่อรายได้รวมลดลงร้อยละ 6.7 บริษัทส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องถือปฏิบัติให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม ผ่านกลยุทธ์ 3Rs คือ Reduce, Reuse และ Recycle โดยกำหนดแผนการดำเนินงานและมาตรการอนุรักษ์พลังงานตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ นำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุด

แนวทางพัฒนาและจัดการพลังงาน

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่หลากหลาย
  • ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่คุณค่า
  • ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการอนุรักษ์และการลดการใช้พลังงาน
  • ควบคุมการเดินเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่
  • ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการให้บริการทางแพทย์
  • พัฒนาบุคลากรและผู้มีส่วนได้เสียในการอนุรักษ์พลังงานตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ

การบริหารจัดการน้ำ

ทรัพยากรน้ำ ถือเป็นความเสี่ยงระดับโลกที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะปัญหา ความเครียดจากน้ำ (Water stress) ความแห้งแล้ง อุทกภัย และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ความท้าทายเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ การจัดสรรและการใช้ทรัพยากรน้ำ ทั้งในภาคอุปโภคและบริโภค ขณะเดียวกันรคุณภาพน้ำที่ลดลง ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมโดยรวม​

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของ การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในกระบวนการดำเนินธุรกิจ จึงได้ดำเนินการ ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพน้ำบริโภคและคุณภาพน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าสามามรถลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ SDGs เป้าหมายที่ 6 : การจัดการน้ำและสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อมุ่งสู่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว

โครงการปรับ - ลด ฟังก์ชั่น (Function) โถปัสสาวะ ห้องน้ำชายสาธารณะ

บริษัทได้ดำเนินมาตรการ ปิดโหมดชำระล้างอัตโนมัติทุกๆ 2 ชั่วโมง ในพื้นที่ห้องน้ำสาธารณะ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการใช้งานและฟลัชน้ำตลอดอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มรอบการล้างอัตโนมัติอีก

มาตรการนี้ช่วยให้สามารถลดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนค่าน้ำประปา และสนับสนุนการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า โดยไม่ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความสะอาดของพื้นที่ใช้งาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

ผลการดำเนินงาน

  • สามารถลดปริมาณการใช้น้ำ 388,800 ลิตรต่อปี
  • สามารถประหยัดน้ำประปาได้ 10,498 บาทต่อปี

โครงการนำน้ำเสียที่ผ่านกระบวนการบำบัดมาใช้รดน้ำต้นไม้ (RECYCLE)

โรงพยาบาลได้ดำเนินมาตรการการบริหารการจัดการน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดที่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดทางกฎหมาย กลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะในการ รดน้ำต้นไม้ภายในพื้นที่โรงพยาบาล​

แนวทางดังกล่าว ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและมีการ ขยายพื้นที่ใช้งานเพิ่มเติม รวมถึงในบริเวณแนวต้นไม้ด้านหลังรั้วโรงพยาบาลฝั่งคลอง และพื้นที่ถนนด้านหลังช่องส่งของ โครงการนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและดัชนีชี้วัดที่กำหนดไว้ ส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำประปาโดยภาพรวมของโรงพยาบาลลดลง อีกทั้งยังเป็นการสร้างจิตสำนึกและความร่วมมือของพนักงานทุกระดับ รวมถึงการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสีย ในการส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำและทรัพยากรอย่างยั่งยืน​

ผลการดำเนินงาน

  • สามารถลดปริมาณการใช้น้ำได้ 467 ลูกบาศก์เมตรต่อปี
  • สามารถประหยัดค่าน้ำประปาได้ 12,609 บาทต่อปี
  • สามารถลดการใช้น้ำสะสมตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2565 ได้ 2,141 ลูกบาศก์เมตร หรือประหยัดค่าน้ำประปาได้ 49,874 บาท

ผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการและการประหยัดน้ำ

โดยผลการดำเนินการปี 2567 เทียบกับปีฐาน 2565 มีปริมาณการใช้น้ำประปาลดลงร้อยละ 1.0 อัตราการใช้น้ำประปาต่อวันนอนผู้ป่วยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 อัตราการใช้น้ำประปาต่อรายได้รวมลดลงร้อยละ 12.4

โดยปริมาณน้ำมาจากแหล่งน้ำเป็นน้ำจืดจากประปาทั้งหมด

บริษัทส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยใช้เทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ และสร้างการมีส่วนร่วมกับพนักงานทุกระดับในการอนุรักษ์น้ำในโรงพยาบาล ร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียผ่านกลยุทธ์ 3Rs ประกอบด้วย ลดปริมาณการใช้น้ำ (Reduce) และใช้ซ้ำ (Reuse) อย่างต่อเนื่อง

การปล่อยน้ำสู่แหล่งธรรมชาติ

แนวทางพัฒนาและจัดการน้ำ

  • ใช้น้ำอย่างรับผิดชอบ รวมถึงการตรวจสอบปริมาณการใช้น้ำและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
  • ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมการอนุรักษ์การใช้น้ำ
  • ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ
  • ติดตามความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่มีต่อบริษัท

ข้อมูลการใช้น้ำ Recycle น้ำเสียในแต่ละปี

การจัดการด้านมลพิษ

ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและผันผวนก่อให้เกิดภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงในหลายด้าน ทั้งมลพิษทางอากาศ น้ำ ดิน เสียง รวมถึง ปัญหาขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ซึ่งล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและระบบนิเวศโดยรวม

ปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การได้รับฝุ่น PM2.5 ในระยะสั้นอาจทำให้ตาและคอระคายเคือง ไอ หายใจลำบาก เกิดผื่นคัน และหากได้รับฝุ่น PM2.5 ในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และ มะเร็งปอดได้

ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม - มีนาคมของทุกปี สำหรับ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในปี 2567 เพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ดังนั้น การบริหารจัดการด้านมลพิษอย่างเป็นระบบและยั่งยืนจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของประเทศ​

มาตรการลดมลพิษ

บริษัทให้ความสำคัญการจัดการด้านมลพิษทุกด้าน อย่างไรก็ตามเนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งโดยลักษณะของธุรกิจไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหามลพิษหลายในหลายมิติ บริษัทจึงมุ่งเน้นการควบคุมมลพิษด้านอากาศเป็นหลัก ในปัจจุบัน บริษัท ได้มีการดำเนินการเพื่อลดมลพิษ ดังนี้

  • การปรับปรุงระบบระบายอากาศโดยติดตั้ง Pre Air Unit (PAU.) เพื่อทำหน้าที่ลดความชื้น และ กรองฝุ่นละอองก่อนเติมอากาศเข้าในอาคาร ซึ่งในตัวเครื่องจะประกอบด้วยแผ่นกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงทั้ง Pre Filter และ Medium Filter โดยเฉพาะ Medium Filter ที่มีความละเอียดถึง 0.4 ไมครอน สามารถกรองฝุ่น PM. 2.5 ได้​
  • การติดตั้งแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ในห้องสะอาดและห้องควบคุมการติดเชื้อ (Isolate Room) เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการลดมลพิษทางอากาศ ควบคุมความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อทางอากาศภายในระบบ อันเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันไม่ให้เชื้อถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ตรวจสอบค่ามาตรฐานของระบบอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้ง กำหนดแนวทางการบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบกรองอากาศยังคงมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ​

การส่งเสริมทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อม

ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะผลกระทบต่อประชากรในปัจจุบัน ซึ่งต้องเผชิญกับการแย่งชิงทรัพยากรที่เหลืออยู่อันนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ หากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชน ร่วมมือกันอย่างจริงจังในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้สามารถฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้กลับคืนสู่สมดุลดังเดิมได้

ดังนั้น นอกเหนือจากการอนุรักษ์และบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังจำเป็นต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป โดยมุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ตลอดจนดำเนินมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยกรที่สิ้นเปลือง และสนับสนุนการใช้วัสดุหรือพลังงานทดแทน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว​

กำหนดนโยบาย เป้าหมาย มาตรการลดมลพิษ และติดตามอย่างต่อเนื่อง​

บริษัทให้การสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยได้กำหนดเป้าหมายระยะสั้นในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน โดยดำเนินโครงการอย่างน้อยปีละ 1 โครงการ สำหรับเป้าหมายระยะยาว บริษัทมุ่งมั่นเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดด้านหน่วยไฟฟ้า(kW) ให้มากกว่า 100 kW ภายในปี 2571 เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน​

โครงการ

บริษัทได้ดำเนินโครงการนำพลังงานทดแทนมาใช้ผ่านโครงการ ติดตั้ง Solar Cell ในปีที่ผ่านมา ทั้งในรูปแบบ Solar Rooftop และโคมไฟ Solar Cell เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากโครงการดังกล่าว บริษัทสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้รวม 61 kW โดยแบ่งเป็น

  • ระบบ Solar Rooftop ขนาด 49.14 kW
  • โคมไฟ Solar Cell ที่ติดตั้งตามอาคารต่างๆ ขนาด 11.91 kW

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายการจัดการมลพิษของบริษัท เพื่อมุ่งสู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความสมดุลทางพลังงานในระยะยาว

การบริหารจัดการของเสีย

การบริหารจัดการของเสียอันตราย (Hazardous Waste) และของเสียไม่อันตราย (Non-Hazardous Waste) เป็นความท้าทายสำคัญในการลดกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากของเสียเหล่านี้อาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น และส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ หากนำไปฝังกลบโดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจก่อทำให้เกิดก๊าชมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญต่อสภาวะโลกร้อน​

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินนโยบายการบริหารจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ของธุรกิจ โดยมุ่งเน้นแนวทางลดปริมาณของเสีย การคัดแยก และการกำจัดอย่างถูกต้อง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เป้าหมายที่ 12 : บริโภคและผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสีย และส่งเสริมแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน​

กำหนดนโยบาย เป้าหมาย มาตรการลดของเสีย และติดตามอย่างต่อเนื่อง

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการของเสียและการประเมินความเสี่ยงด้านผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ โดยส่งสริมแนวคิดการบริหารจัดการของเสียอย่างเป็นระบบผ่านการคัดแยกของเสียตั้งแต่ต้นทางและลดการใช้วัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดของเสีย

โรงพยาบาลมุ่งเน้นการสนับสนุนการใช้ซ้ำ (Reuse) และลดการใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น ลดการใช้โฟมและพลาสติก โดยหันมาใช้กล่องข้าว ขวดน้ำ หรือแก้วน้ำส่วนตัว สนับสนุนการใช้ถุงผ้าหรือกระเป๋าสำหรับใส่ของ รวมถึงการใช้กระดาษสองหน้าเพื่อลดปริมาณขยะ แนวทางดังกล่าวช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบลดของเสียอันตราย และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

โครงการ Care the Bear

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมโครงการ “Care the Bear” กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านระบบตรวจวัดการปล่อยก๊าซจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในองค์กร โดยมีเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้คุ้มค่า ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบริหารจัดการของเสียของบริษัท อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม (Engagement) ของพนักงานในองค์กร เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่ยั่งยืนในการดำเนินงานขององค์กรต่อไป

กิจกรรมของโครงการ Care the Bear ได้แก่

  • รณรงค์ให้เดินทางโดยรถสาธารณะ หรือเดินทางมาร่วมกัน
  • ลดการใช้กระดาษและพลาสติกจากเอกสารต่าง ๆ และบรรจุภัณฑ์
  • งดการใช้โฟมจากบรรจุภัณฑ์ หรือโฟมเพื่อการตกแต่ง
  • ลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน

มีกิจกรรมรณรงค์ให้กับบุคลากรโรงพยาบาลนำกล่อง ปิ่นโต และแก้วน้ำที่ทางโรงพยาบาลมอบให้มาใช้ในการบรรจุอาหารแทนการใช้กล่องโฟมหรือกล่องพลาสติก เป็นการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาของโรงพยาบาล และส่งเสริมการบริหารจัดการขยะตามหลักแนวคิด 1A3R ได้แก่ การงดหรือเลิกการใช้ (Avoid) การลดการใช้ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระยะยาวอย่างยั่งยืนอีกด้วย

โครงการ Care the Whale

ในปี 2566 บริษัทได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Care the Whale ภายใต้แนวคิด “ขยะล่องหน” โดยมุ่งเน้นการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านการบริหารจัดการขยะ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการกำจัดคำว่า “ขยะ” ให้หายไป และร่วมกันหาทางใช้ทรัพยากรให้เต็มที่ ด้วยการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในการดูแลและจัดการขยะให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อแก้ไขปัญหาขยะที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน และเพื่อสร้างพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

ในปี 2567 โรงพยาบาลได้ดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาการจัดการของเสียผ่านโครงการรณรงค์กระตุ้นจิตสำนึกในการแยกขยะตามประเภทอย่างถูกวิธี โดยมุ่งสร้างเสริมองค์ความรู้และกระตุ้นจิตสำนึกให้กับบุคลากรในโรงพยาบาล พร้อมสร้างแรงจูงใจในการแยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อยกระดับความรู้และแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โครงการลดใช้ขวดสบู่ พลาสติก (Avoid)

ในปี 2567 โรงพยาบาลได้ส่งเสริมและสนับสนุนการลดการใช้วัสดุที่ผลิตจากพลาสติก โดยได้ติดตั้งสบู่โฟมอัตโนมัติในห้องน้ำหอผู้ป่วยใน เพื่อทดแทนการใช้ขวดสบู่พลาสติกขนาดเล็กในชุด Set admit ซึ่งสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โครงการลดใช้ถุงพลาสติก (Reduce)

ในปี 2567 โรงพยาบาลได้รณรงค์ลด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติก โดยได้นำถุงพลาสติกที่ใช้สำหรับแพ็กผ้ามาใช้ในการใส่ขยะรีไซเคิล ซึ่งเป็นการนำถุงพลาสติกมาใช้ซ้ำอย่างรู้คุณค่าของทรัพยากร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการยกเลิกการใช้กล่องลังโฟมบรรจุขยะเคมี

ในปี 2567 โรงพยาบาลได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมนโยบายการพัฒนาการบริหารจัดการขยะตามแนวคิด 1A3R โดยมุ่งเน้นการลดการใช้ (Reduce) เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการขยะภายในโรงพยาบาล โดยเล็งเห็นถึงผลกระทบจากการใช้กล่องโฟมบรรจุขยะเคมี ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการทำลายจะสร้างมลภาวะทางอากาศยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมกับบริษัทผู้ให้บริการในการเปลี่ยนการใช้กล่องโฟมเป็นกล่องลังเพื่อทดแทน ทั้งยังช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โครงการการจัดการพลาสติกที่ใช้แล้วให้กลับมาเป็นถุงใช้ซ้ำ (Upcycling)

ในปี 2567 โรงพยาบาลได้ตกลงร่วมกับบริษัท SCG ในการจัดการพลาสติกที่ใช้แล้วภายในโรงพยาบาล เพื่อนำกลับมาแปรรูปใหม่ เพื่อลดการเกิดขยะและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวทางการหมุนเวียนทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านโมเดล Closed Loop Program ตามเป้าหมายของทั้งสององค์กรในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามกลยุทธ์ ESG โดยได้กำหนดให้มีความร่วมมือในการหาแนวทางร่วมกันในการจัดการพลาสติกที่ใช้แล้ว และส่งเสริมการนำพลาสติกเหล่านั้นมาผลิตใหม่เป็นวัตถุดิบในกระบวนการรีไซเคิล เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ลดการเกิดขยะและคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อม

โครงการการจัดการขยะ E-Waste

โรงพยาบาลพระรามเก้า ร่วมกับ AIS เดินหน้ารณรงค์สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดี ผ่านแคมเปญ “ทิ้ง E-Waste ให้ถูกที่” โดยเชิญชวนพนักงาน เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลพระรามเก้า นำขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์เสริม ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ มาทิ้งในจุดรับทิ้งที่จัดเตรียมไว้ภายในโรงพยาบาล

โครงการนี้มุ่งเน้นการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง เพื่อลดมลพิษและรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะ E-Waste ในประเทศไทย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากสารอันตราย เช่น สารปรอท สารตะกั่ว และโลหะหนัก ที่อาจปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยสารตะกั่วสามารถก่อให้เกิดพิษต่อระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต และการทำงานของไต ฯลฯ

โครงการบริจาคปฏิทินตั้งโต๊ะเก่า ในการนำไปจัดทำเป็นเอกสารอักษรเบรลล์

ในช่วงปี 2564 - 2567 โรงพยาบาลได้ดำเนินโครงการรวบรวมปฏิทินตั้งโต๊ะเก่าจากผู้บริหาร แพทย์ พนักงาน รวมถึงครอบครัว เพื่อนำไปบริจาคให้โรงเรียนสอนคนตาบอดแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปจัดทำเป็นเอกสารอักษรเบรลล์สำหรับใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ให้กับนักเรียนผู้พิการทางสายตา

โครงการนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมการศึกษาและโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้พิการทางสายตา แต่ยังเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรด้านจิตสาธารณะ สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม อีกทั้งยังช่วยลดการตัดต้นไม้เพื่อผลิตกระดาษอักษรเบรลล์ และลดปริมาณขยะโดยการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า ตอกย้ำภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน

ผลการดำเนินงานด้านการจัดการของเสีย

โดยผลการดำเนินการปี 2567 เทียบกับปีฐาน 2565 มีปริมาณขยะสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 อัตราขยะต่อวันนอนรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 และอัตราขยะต่อรายได้รวมลดลงร้อยละ 5.6

บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ควบคู่กับกลยุทธ์ 1A3R ได้แก่ การลดปริมาณของเสียโดยการลดการใช้ (Reduce) บริษัทมุ่งเน้นการลดปริมาณของเสียตั้งแต่ต้นทางในการนำของเสียกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยแนวทางดังกล่าว บริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมสร้างแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

กระบวนการกำจัดขยะแต่ละประเภท

  • ขยะทั่วไป: ดำเนินการโดยสำนักงานจัดการมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล นำไปส่งหลุมฝังกลบที่เขตประเวศ
  • ขยะรีไซเคิล: ดำเนินการส่งบริษัท ชัยชาญพลาสติก แอนด์ รีไซเคิล จำกัด
  • ขยะติดเชื้อ: นำไปทำลาย ดำเนินการโดยบริษัท กรุงเทพธนาคม ด้วยกระบะตู้ 4 ล้อ รถควบคุมอุณหภูมิ กำจัดทำลายตามมาตรฐานและกระบวนการทำลายขยะติดเชื้อ
  • ขยะอันตราย: นำไปทำลาย ดำเนินการโดยบริษัท อัคคีปราการ ด้วยกระบะตู้ 4 ล้อ เข้าสู่กระบวนการทำลายขยะอันตรายตามมาตรฐานและกระบวนการทำลายขยะอันตราย

แนวทางพัฒนาและจัดการของเสีย

  • เพิ่มมูลค่าของเสียจากการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
  • ยกระดับการจัดการของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill)
  • ส่งเสริมการบริหารจัดการของเสียตามแนวคิด 1A3R ได้แก่ การงดหรือเลิกการใช้ (Avoid) การลดการใช้ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
โครงการ Upcycle
ดาวน์โหลด