มิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ
การกำกับดูแลกิจการ และจรรยา บรรณการดำเนินธุรกิจที่ดี
ประเด็นด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในมิติด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญและได้รับความสนใจ จากสาธารณชน โดยบริษัทได้มีการจัดทำ นโยบายกำกับดูแลกิจการ และ จรรยาบรรณธุรกิจ (Code of Conduct) ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่กำหนดไว้เป็นอักษรลายลักษณ์อย่างชัดเจน เนื่องจากการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นปัจจัยที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรให้ตรงตามเป้าหมายและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทจึงให้ความสำคัญโดยได้ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความโปร่งใส เป็นธรรม และ มีจริยธรรม ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจโดยเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และ การบริหารจัดการความเสี่ยง โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาพัฒนาการบริการควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เพื่อสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าซึ่งนำไป สู่การสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
บริษัทได้เข้าร่วมในโครงการสำรวจด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024: CGR) เป็นปีที่ 6 ที่จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อันสะท้อนถึงการให้ความสำคัญในการกำกับดูแลกิจการที่ดี ภายใต้หลักบรรษัทภิบาล วิสัยทัศน์ และการบริหารงานแบบยั่งยืน โดยคำนึงถึงบทบาทผู้มีส่วนได้เสีย และปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม นับเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรโดยคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน
เป้าหมาย
- รักษาผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ CGR ในระดับดีเลิศ
- ผู้บริหารตอบรับจรรยาบรรณธุรกิจ 100%
ผลการดำเนินงาน

บริษัทได้รับการประเมินผลการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR) อยู่ในระดับ 5 ดาว หรือ เกณฑ์ระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) นับตั้งแต่ปีแรกของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และยังได้เป็น Top Quartile ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนโดยรวม กลุ่มบริการ กลุ่ม Market Cap. > 10,000 ล้านบาท และกลุ่ม ตลาด/ดัชนี
การต่อต้านคอร์รัปชัน
บริษัทได้กำหนดนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันไว้เป็นอักษรลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน เพื่อให้มีการบริหารกิจการบนพื้นฐานความโปร่งใส มีจริยธรรม ยึดมั่นในหลักการ การกำกับดูแลกิจการที่ดี และปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและต่อต้านการ ทุจริตคอร์รัปชัน การให้หรือรับสินบนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือภาคเอกชน โดยบริษัทได้กำหนดโครงสร้างองค์กรให้มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกระบวนการทำงาน และสายการบังคับบัญชาในแต่ละหน่วยงานให้มีความชัดเจน เพื่อให้มีการถ่วงดุลอำนาจและมีความรัดกุมใน การตรวจสอบระหว่างกันอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการสื่อสารพร้อมกับจัดอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ ในเรื่องดังกล่าว โดยการจัดอบรมจะมี 2 ลักษณะ คือ การอบรมแก่พนักงานเข้าใหม่ในวันปฐมนิเทศพนักงาน และการอบรมแก่พนักงาน ผู้บริหาร เป็นประจำทุกปี ในลักษณะการทบทวนความรู้ ความเข้าใจ ได้แก่ การอบรมในรูปแบบผสมผสาน (Hybrid learning classroom) คือ การบรรยายทั้งในห้องประชุมและผ่านทางออนไลน์ และการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) พร้อมนี้บริษัทยังได้มีการจัดทำ รวมถึงประกาศใช้คู่มือจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้า (Supplier Code of Conduct and Guideline) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบในห่วงโซ่อุปาทาน
ในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบทุกครั้ง บริษัทจะกำหนดวาระการประชุม ให้ฝ่ายบริหารจัดการ รายงานเรื่อง สรุปการรับแจ้งข้อมูลการกระทำผิดจรรยาบรรณและการทุจริต และกระบวนการดำเนินการ ของบริษัทให้ที่ประชุมทราบ และหลังจากนั้นก็จะรายงานไปยังคณะกรรมการบริษัทตามลำดับ
เป้าหมาย
- ได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC ) อย่างต่อเนื่อง
- คู่ค้าประกาศเจตนารมณ์เป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทยอย่างน้อย 2 ราย ภายในปี 2568
- ผู้บริหารและพนักงานตอบรับนโยบายต่อต้านทุจริต 100 %
ผลการดำเนินงาน

บริษัทได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน ของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption หรือ Thai CAC (CAC) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการ บริษัทไทยอย่างต่อเนื่อง
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เป็นธรรมบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจที่ดี โดยมีการกำหนดแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทานด้วยกลยุทธ์ 5 ด้าน
- การแสดงความมุ่งมั่นในการบริหารห่วงโซ่อุปทานตามหลักธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืน พร้อมกับสื่อสารให้คู่ค้าหลักลงนามรับหลักจรรณยาบรรณและเป็นสมาชิก CAC
- การพัฒนาห่วงโซ่ธุรกิจโดยกำหนดกลุ่มลูกค้าและทำการประเมินคู่ค้าประจำปี
- วางแผนร่วมกับคู่ค้าเกี่ยวกับการรับประกันคุณภาพของยาและเวชภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
- ปฏิบัติตามแนวทางด้านความยั่งยืนด้วยการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคู่ค้าตามหลัก ESG
- เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บริษัทดำเนินการจัดทำจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนของบริษัทกับคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ปฏิบัติต่อแรงงานตามกฎหมายและมีจริยธรรม ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม รวมถึงติดตามผลการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด ดังนี้
คู่ค้าของบริษัทต้องส่งมอบสินค้า บริการที่มีคุณภาพ, ราคาเหมาะสมและเป็นธรรม อย่างถูกต้อง แม่นยำ ครบถ้วน และตรงเวลา มีการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
คู่ค้าของบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงมีมาตรการในการเก็บรักษาความลับของบริษัท ไม่นำข้อมูลที่สำคัญทางธุรกิจไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ตลอดจนข้อมูลความลับที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท
คู่ค้าของบริษัทต้องปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายด้วยความรับผิดชอบ และเป็นธรรม เปิดกว้างในการให้โอกาสที่เท่าเทียมกันในการแข่งขัน รวมถึงการดำเนินธุรกิจภายในกรอบกติกาการแข่งขันที่ดีและสุจริต
คู่ค้าควรใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อลดปริมาณขยะให้น้อยลง และ ควรเลือกใช้หรือผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระมัดระวังไม่ดำเนินการใดที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ
คู่ค้าของบริษัทต้องปฏิบัติตามข้อบังคับกฎหมายแรงงานและปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างเสมอภาค ไม่มีการแบ่งแยก ไม่จ้างแรงงานผิดกฎหมาย ไม่บังคับใช้แรงงาน ได้แก่ การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก โดยมีการสำรวจความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมพนักงานที่เป็นคู่ค้าอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD)
คู่ค้าของบริษัทควรดำเนินธุรกิจด้วยการคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและสังคม และ มีส่วนร่วมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้คนในชุมชนและสังคม ทั้งนี้ ในการดำเนินธุรกิจ ได้มีการเฝ้าระวังประเด็น ที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน
คู่ค้าต้องดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมตามกฎหมาย รวมถึงการบริหารจัดการด้านมลพิษ และ การกำจัดของเสีย และ มีการพัฒนากระบวนการธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การดำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
คู่ค้ามีสิทธิในการสอบถามข้อมูล แจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนการกระทำที่ละเมิดจรรยาบรรณธุรกิจของโรงพยาบาลพระรามเก้า โดยสามารถร้องเรียนได้ที่อีเมล CEOoffice@praram9.com หรือ โทรร้องเรียนถึงผู้บริหารระดับสูงโดยตรงที่เบอร์ 087-111-5994
หมายเหตุ : ข้อมูลจากแบบประเมินคู่ค้า (QF-MPS-20/Rev.01)
การคัดเลือกและประเมินคู่ค้า
- คัดเลือกคู่ค้ารายใหม่
เจ้าหน้าที่จัดซื้อจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาคู่ค้ารายใหม่ ที่คาดว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าหรือบริการตามความต้องการได้ ซึ่งต้องเป็นคู่ค้าที่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งในเรื่องคุณภาพสินค้า/บริการ มาตรฐานการรับของของบริษัท การปฏิบัติตามข้อกฎหมาย บุคลากร สถานะทางการเงิน การส่งมอบสินค้า การบริการหลังการขาย การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และต้องได้รับการประเมินตามหลักเกณฑ์ในใบคัดเลือกผู้ขาย/ผู้รับจ้างช่วง (QF-PUR-03/Rev.15) - ขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่
คู่ค้าจะต้องส่งเอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนผู้รายใหม่ ได้แก่ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนา ภ.พ.20 รายชื่อลูกค้าอ้างอิง ใบผ่านการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ แผนที่ตั้งบริษัท สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร และอื่น ๆ เมื่อคู่ค้ารายใหม่ผ่านเกณฑ์การประเมินขั้นต่ำ และได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติ จะได้รับการบันทึกชื่อในรายชื่อคู่ค้าขึ้นทะเบียน (Approved Supplier List) - ลงนามตอบรับ
คู่ค้ารายใหม่ทุกรายจะต้องทำการประเมินตนเองในใบคัดเลือกผู้ขาย/ผู้รับจ้างช่วง และตอบรับการเข้าเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่น (Change Agent) รวมถึงการจัดซื้อจัดหาอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม - ประเมินผลการปฏิบัติงาน
บริษัทจะทำการประเมินกลุ่มคู่ค้าสำคัญของบริษัทโดยตรง และ สุ่มตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการ ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด เป็นประจำทุกปี และ คู่ค้าจะทำการประเมินตนเอง (Self-Declaration) ทุกปี ซึ่งครอบคลุมทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านธรรมาภิบาล ในแบบประเมินคู่ค้า
การระบุคู่ค้ารายสำคัญ (Critical Supplier)
บริษัทมีการกำหนดเกณฑ์ในการระบุคู่ค้ารายสำคัญ เพื่อวิเคราะห์ และกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม รวมถึงการประเมินความเสี่ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อจัดจ้าง
- คู่ค้าสำคัญที่ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง (Critical Tier 1) พิจารณาตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีความสำคัญ
- ประเภทสินค้าและบริการทั่วไป โดยคัดเลือกจากคู่ค้าที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในแต่ละปี จำนวน 15 ราย
ตรวจประเมิน พื้นที่ปฏิบัติงาน (Onsite) โดยการสุ่มคัดเลือกคู่ค้ารายสำคัญ หรือ คู่ค้า ที่พบปัญหาการจัดซื้อ - ประเภทยาและเวชภัณฑ์ โดยคัดเลือกจากคู่ค้าที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในแต่ละปี จำนวน 15 ราย
ตรวจประเมิน พื้นที่ปฏิบัติงาน (Onsite) โดยการสุ่มคัดเลือกคู่ค้ารายสำคัญ หรือ คู่ ค้าที่พบปัญหาการจัดซื้อ
- ประเภทสินค้าและบริการทั่วไป โดยคัดเลือกจากคู่ค้าที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในแต่ละปี จำนวน 15 ราย
- คู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง (Critical Non-Tier 1) โดยคัดเลือกจากคู่ค้าที่จัดหาสินค้า บริการให้คู่ค้ารายสำคัญ
การบริหารจัดการคู่ค้า
บริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาคู่ค้าในการบริหารจัดการคู่ค้าให้มีแนวปฏิบัติที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันในการปฏิบัติตามกฎหมายและพัฒนาการดําเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า โดยการประเมินคู่ค้ารายสำคัญและคู่ค้าทั้งหมด อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตามแผนการพัฒนาและยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของคู่ค้า นำไปสู่การลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ดังนี้
1. กำหนดให้มีการประเมินคู่ค้ารายสำคัญอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
หลักเกณฑ์ระบุคู่ค้ารายสำคัญ
- 1.1 คู่ค้าที่จำหน่ายยาและวัสดุการแพทย์ หรือสินค้าและบริการให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
- 1.2 คู่ค้าที่มีการจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าสูงหรือปริมาณมาก
- 1.3 คู่ค้าที่มีน้อยรายและเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่หาคู่ค้าอื่น ทดแทนได้ยาก
ผลการคัดกรองคู่ค้า ปี 2567
| การคัดกรองคู่ค้า | หน่วย | จัดซื้อทั่วไป | จัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ |
|---|---|---|---|
| จํานวนคู่ค้าทั้งหมด | ราย | 354 | 527 |
| จํานวนคู่ค้าสําคัญที่ทําธุรกิจกับบริษัทโดยตรง (Critical Tier 1) | ราย | 15 | 15 |
| มูลค่าการจัดซื้อจัดหาสินค้าและบริการทั้งหมด | ล้านบาท | 477.2 | 673.3 |
| มูลค่าการจัดซื้อจัดหาสินค้าและบริการคู่ค้าสําคัญที่ทําธุรกิจกับบริษัทโดยตรง | ล้านบาท | 255.0 | 274.8 |
| สัดส่วนมูลค่าการซื้อจากคู่ค้าสําคัญที่ทําธุรกิจกับบริษัทโดยตรง | % | 53.43 | 40.83 |
| จํานวนคู่ค้าที่ไม่ได้ทําธุรกิจกับบริษัทโดยตรง | ราย | 45 | 45 |
| จํานวนคู่ค้าสําคัญที่ไม่ได้ทําธุรกิจกับบริษัทโดยตรง (Critical Non-Tier 1) | ราย | 15 | 15 |
2. กำหนดเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า
หลักเกณฑ์การประเมินคู่ค้า
- 2.1 การบริการ (ความรวดเร็ว / ความตรงต่อเวลา / ความพึงพอใจ / ความสะดวกในการติดต่อ)
- 2.2 การส่งสินค้า / บริการ
- 2.3 คุณภาพของสินค้า / บริการ (ข้อมูลเอกสารสนับสนุน / ราคา)
- 2.4 การบริการหลังการขาย
- 2.5 การปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct)
- 2.6 การคำนึงถึงเกณฑ์ทางสิ่งแวดล้อม
- 2.7 การคำนึงถึงเกณฑ์ทางสังคมและชุมชน
- 2.8 การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเสมอภาคและไม่ใช้แรงงานเด็ก
3. ผลการประเมิน คู่ค้าของโรงพยาบาลในปี 2567
ผลการประเมินคู่ค้าประจำปี โดยพิจารณาการดำเนินการของคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน ปี 2567 ซึ่งคู่ค้าส่วนใหญ่ ผลประเมินอยู่ในระดับ A ทั้งคู่ค้าในหมวดยาและเวชภัณฑ์ และ หมวดสินค้าทั่วไป

4. คู่ค้ารับทราบและลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่อง การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ปี 2565 - 2566
| จํานวนคู่ค้า | หน่วย | จัดซื้อทั่วไป | จัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ |
|---|---|---|---|
| จํานวนคู่ค้าที่ครอบคลุม และได้รับการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | ราย | 400 | 10 |
| จํานวนคู่ค้าที่ลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | ราย | 18 | 10 |
| สัดส่วนคู่ค้าที่ลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | % | 4.5 | 100 |
ปี 2567 ดําเนินการให้ตอบกลับเน้นคู่ค้ารายสําคัญ และคู่ค้ารายใหม่ทุกราย (เริ่มเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2557)
| จํานวนคู่ค้า | หน่วย | จัดซื้อทั่วไป และจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ |
|---|---|---|
| จํานวนคู่ค้ารายสําคัญที่ได้รับการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | ราย | 30 |
| จํานวนคู่ค้ารายสําคัญที่ลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | ราย | 30 |
| สัดส่วนคู่ค้ารายสําคัญที่ลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | % | 100 |
| คู่ค้าใหม่ ปี 2567 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรายชื่อคู่ค้า ตามเกณฑ์ที่กําหนด และผ่านเกณฑ์การคัดเลือกด้านความยั่งยืน คุณภาพ สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย | ราย | 113 |
| จํานวนคู่ค้ารายใหม่ที่ลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | ราย | 18 |
| สัดส่วนคู่ค้ารายใหม่ที่ลงนามตอบรับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ | % | 15.9 |
หมายเหตุ: ปรับปรุงแบบฟอร์ม (QF-PUR-03/Rev.15) เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2567
5. คู่ค้าประกาศเจตนารมณ์เป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทยอย่างน้อย 2 รายภายในปี 2568
แผนการดำเนินการ
- สื่อสารให้คู่ค้ารับทราบในปี 2566-2567
- สร้างความร่วมมือ โดยให้คู่ค้าตอบรับนโยบาย การประกาศเจตนารมณ์เป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทยในปี 2568
นโยบายการชำระสินเชื่อทางการค้า
- การกำหนดระยะเวลาชำระสินเชื่อทางการค้า (Credit Term) กับคู่ค้า ได้ระบุในการประเมินในการคัดเลือกผู้ขาย/ผู้รับจ้างช่วงรายใหม่ โดยกำหนดเกณฑ์มาตรฐานระยะเวลา ชำระสินเชื่อทางการค้า ที่ 30-60 วัน หากคู่ค้าแจ้งระยะเวลาชำระสินเชื่อทางการค้าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานควรมีการพิจารณาเพิ่มเติมในกรณีที่เป็นรายการสินค้าที่จำเป็นเร่งด่วน หรือจำเพาะเจาะจง ต่อการให้บริการ และกำหนดให้มีการทบทวน เงื่อนไขระยะเวลาชำระสินเชื่อทางการค้าหากมีการซื้อในปริมาณที่สูงขึ้น หรือ อาจจะมีส่วนลดการค้า (Cash Discount) เพิ่มเติม ตามข้อตกลงการดำเนินการร่วมกันกับแผนกบัญชี
- การจ่ายเงิน ตามหลักเกณฑ์ของแผนกบัญชี
จ่ายให้ตาม ระยะเวลาชำระสินเชื่อทางการค้า (Credit Term) ที่กำหนด หรือตามที่ระบุในสัญญา โดยตัดรอบใบส่งของหรือใบแจ้งหนี้ทุกวันที่ 25 ของเดือน
การโอนเงิน กำหนดทุกวันที่ 1 ของวันทำการธนาคาร และ คู่ค้าสามารถตรวจสอบการจ่ายชำระเงินได้ทาง E-mail ที่ได้ให้ไว้กับทางโรงพยาบาล
ระยะเวลาชำระสินเชื่อทางการค้าเฉลี่ย ปี 2567 = 30 วัน
การสื่อสาร การอบรมพนักงานคู่ค้า และโครงการของคู่ค้า
การดูแลฝึกอบรม พนักงานรักษาความปลอดภัย
บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพควบคู่กับการเคร่งครัดผ่านการปฏิบัติงานในกรณีเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน โดยบริษัทได้ดำเนินการอบรมเกี่ยวกับแนวทางการเคารพสิทธิมนุษยชนขององค์กรเทียบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งคิดเป็นร้อยละ 100 ของพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งหมด 73 คน (อาคาร A จำนวน 41 คน และ อาคาร B จำนวน 32 คน) โดยครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายหลักสิทธิมนุษยชนขององค์กรอย่างเคร่งครัด
การฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม
การอบรม Safety Week ในครั้งนี้ให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ ตามมาตรฐานใหม่ ของ JCI โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการจัดการขยะอย่างถูกวิธี และการแยกขยะตามประเภทต่างๆ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีภายในองค์กร นอกจากนี้ ได้มีการเชิญบุคลากรทุกฝ่ายเข้าร่วมอบรม โดยเฉพาะทีมแม่บ้านที่เข้าร่วมการอบรมคิดเป็นร้อยละ 100 ของพนักงานแม่บ้านทั้งหมด 109 คน (พนักงานของบริษัท จำนวน 29 คน และ แม่บ้านบริษัทคู่สัญญา จำนวน 80 คน) เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง หลังสิ้นสุดการอบรม ทุกฝ่ายสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานประจำวันได้อย่างเป็นระบบ ส่งผลให้เกิดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งขึ้นในองค์กร


โครงการร่วมกับคู่ค้า
1. บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน)
การจัดเก็บและขนย้ายขยะอันตรายและขยะเคมีบำบัด โรงพยาบาลได้ร่วมมือกับบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากโฟมเป็นกล่องลัง (Reuse) พร้อมติดสติ๊กเกอร์ระบุประเภทขยะที่ชัดเจน เพื่อลดปริมาณโฟมที่ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง โดยได้มีการคำนวณจำนวนกล่องที่เหมาะสมตามขนาดรถขนย้ายและน้ำหนักรวมซึ่งต้องไม่เกิน 500 กิโลกรัมต่อคัน ส่งผลให้ลดจำนวนรอบการมารับขยะและลดค่าใช้จ่ายต่อรอบลงได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งโฟมที่ไม่ได้ใช้งานสำหรับใส่ขยะแล้ว ยังนำมาใช้ประโยชน์ต่อเป็นกระถางปลูกต้นไม้ ซึ่งช่วยลดขยะและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าอีกด้วย


2. บริษัท เอเอ็นซี อินเตอร์นัช่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด
ผู้ผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดตราโรงพยาบาล มีการปรับปรุงการดำเนินงานดังนี้
- 2.1 ติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาโรงงาน จำนวน 120 แผง ขนาด 65.40 KW ช่วยลดค่าไฟฟ้าลงเฉลี่ยเดือนละกว่า 30,000 บาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก สามารถช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน (Global Warming) และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้
- 2.2 นำรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) มาใช้ในกระบวนการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซล และประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ลง รวมทั้งช่วยลดปัญหาหาภาวะโลกร้อนด้วย
3. บริษัท เนเจอร์ทัช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ผลิต Admission Set สำหรับหอผู้ป่วยในของโรงพยาบาล มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตดังนี้
- 3.1 เปลี่ยนหลอดยาสีฟันจากหลอดอลูมิเนียม เป็นหลอดแบบรีไซเคิล 100% ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- 3.2 มีการปรับเปลี่ยนสูตรยาสีฟันมีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไพรกว่า 10 ชนิด และน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมี
การประเมินความพึงพอใจจากผู้ค้า ต่อการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานจัดซื้อ
ผลการประเมินความพึงพอใจจากคู่ค้า ต่อการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานจัดซื้อของบริษัท ในปี 2567 ซึ่งได้ส่งแบบประเมินให้กับคู่ค้าในหมวดยาและเวชภัณฑ์ และหมวดสินค้าทั่วไป รวมถึงงานบริการ โดยหัวข้อที่ให้คู่ค้าทำการประเมิน ครอบคลุมทั้งในด้านความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อของบริษัท การรักษาความลับของข้อมูล มีความเท่าเทียม และเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) และปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นของบริษัท คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และเปิดรับความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาต่อยอดซึ่งกันและกันในอนาคต ผลการประเมินความพึงพอใจจากคู่ค้าในภาพรวม อยู่ในระดับที่ความพึงพอใจมากกว่า 95%
ผลการประเมินความพึงพอใจจากคู่ค้า ปี 2567

การพัฒนานวัตกรรมและความร่วมมือ
SMART HOSPITAL
โรงพยาบาลพระรามเก้าได้พัฒนาโครงการ Smart Hospital ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีหลายส่วนมาบูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับการให้บริการในทุกมิติ ตอบโจทย์ผู้รับบริการในยุคดิจิทัลทั้งในแง่ความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัยด้านข้อมูล สร้างประสบการณ์ใหม่ของการรับบริการโรงพยาบาล ความท้าทายของการดำเนินงานโครงการ Smart Hospital คือนอกจากการพัฒนาระบบ Smart Hospital แล้วนั้น ยังต้องมีการบูรณาการโครงการย่อยที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ โดยมีการพัฒนาในด้านข้อมูลและเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน
วัตถุประสงค์
- เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์
- ลดระยะเวลารอคอยของผู้รับบริการ
- ลดขั้นตอนและความซ้ำซ้อนในระบบบริการ
- เพิ่มความพึงพอใจของผู้รับบริการ
- ลดภาระงานของบุคลากรและลดข้อผิดพลาดจากกระบวนการทางเอกสาร
- ส่งเสริมระบบการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน
- สร้างระบบที่สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายของผู้รับบริการทุกช่วงวัย

แนวคิดหลักของ Smart Hospital
โครงการ Smart Hospital ได้รับการพัฒนาภายใต้ 3 แนวคิดหลัก ดังนี้:
- Decentralize: ขยายการให้บริการสุขภาพให้ครอบคลุมทั้งก่อนและหลังการเข้ารับบริการในโรงพยาบาล
- Personalize: มุ่งเน้นการจัดเก็บและสื่อสารข้อมูลเฉพาะบุคคล เพื่อให้บริการตรงตามความต้องการของผู้รับบริการ
- Seamless: สร้างประสบการณ์การรับบริการที่ราบรื่น ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลการบริการระหว่างออนไลน์และการให้บริการในโรงพยาบาล

แผนการพัฒนาระบบและฟังก์ชันสำคัญ
- การพัฒนาระบบดิจิทัลและ AI
1.1. ระบบ Hospital Information System (HIS) ใหม่ที่เชื่อมต่อทุกกระบวนการ
1.2. การนำ AI Screening มาใช้ เช่น การคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วย AI
1.3. AI Assistant สำหรับให้คำแนะนำผู้ป่วยและช่วยบุคลากรทางการแพทย์
- บริการผ่าน LINE Super App บริการ Smart Hospital ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ช่วยให้ผู้รับบริการไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติม สามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกผ่าน LINE Official ของโรงพยาบาล
- ฟังก์ชันหลักของ Smart Hospital

3.1. เปิดประวัติล่วงหน้า Create New Patient Record : ผู้รับบริการใหม่สามารถเปิดประวัติออนไลน์และรับคิวอัตโนมัติเมื่อต้องการเข้ารับบริการ ลดเวลารอคอยและขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน
3.2. จัดการนัดหมาย Appointment : ผู้ป่วยสามารถนัดหมาย เลื่อนนัด หรือยกเลิกนัดด้วยตนเองผ่านระบบ Smart Hospital พร้อมตรวจสอบข้อมูลแพทย์และตารางการออกตรวจ
3.3. เช็กอินรับคิวอัตโนมัติ Check In & Get Queue/Alert : เช็กอินผ่านมือถือและรับแจ้งเตือนเส้นทางการให้บริการ พร้อมระบุจุดให้บริการและจำนวนคิวที่รออยู่
3.4. บริหารจัดการคูปองและสิทธิประโยชน์ Coupon : ตรวจสอบสิทธิ์คูปองสุขภาพและใช้แต้มสะสมเพื่อรับส่วนลดหรือแลกของสมนาคุณ
3.5. เข้าถึงข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล (PHR :Personal Health Record ): ตรวจสอบผลแลป ผลเอ็กซเรย์ ประวัติการใช้ยา และประวัติการรับวัคซีน
ประโยชน์ต่อผู้รับบริการ
- ลดเวลารอคอย ลดจำนวนครั้งที่ต้องเข้ารับบริการ
- บริหารจัดการนัดหมายได้ด้วยตนเอง
- ได้รับการแจ้งเตือนตลอดกระบวนการรับบริการ
- เข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา
ประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์
- ลดภาระงานเอกสาร และข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย
- ลดความแออัดของพื้นที่ให้บริการ เช่น จุดลงทะเบียนและห้องตรวจ
- มีเวลามากขึ้นในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ผู้ป่วย
ผลกระทบเชิงบวก
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร และลดต้นทุน
- เพิ่มรายได้จากช่องทางออนไลน์ เช่น Telemedicine และแพ็กเกจตรวจสุขภาพ
- ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของโรงพยาบาลในฐานะผู้ให้บริการสุขภาพดิจิทัล
- เพิ่มจำนวนผู้ป่วยใหม่จากการบอกต่อและความสะดวกของระบบ
โอกาส
- ขยายบริการ Smart Checkup และ Telemedicine ไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กร
- พัฒนา AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มคุณภาพการวินิจฉัย
- สร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตร
ความเสี่ยง
- ความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการใช้งาน
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Cybersecurity) ต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด
- ความท้าทายในการปรับตัวของบุคลากรและผู้ป่วยสูงวัยต่อระบบใหม่
เป้าหมาย
- ความพึงพอใจของผู้รับบริการ
- เพิ่มจำนวนผู้ป่วยใหม่ (New HN)
- เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุน
- เพิ่มรายได้จากช่องทางออนไลน์
ระยะเวลาดำเนินโครงการ
- 2022: CEO ประกาศเป้าหมาย Smart Hospital
- 2023: Digital Transformation และเริ่มใช้ Lean & Smart Check-Up
- 2024: พัฒนา IT Infrastructure และเริ่มใช้ AI Driven Hospital
- 2025: Smart Hospital เต็มรูปแบบ
โครงการ Smart Hospital เป็นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับบริการเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนากระบวนการทำงานของบุคลากรและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของโรงพยาบาลในยุคดิจิทัลอีกด้วย
9 CARE Platform and 9 CARE Shop
ปัจจุบันแนวโน้มการให้บริการทางการแพทย์กำลังก้าวสู่ยุค Digital Hospital และ Decentralized Health Care ซึ่งมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล โรงพยาบาลพระรามเก้า จึงได้พัฒนา 9 CARE Platform และ 9 CARE Shop เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ครอบคลุมทั้ง 9 CARE Application และ 9 CARE Shop ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวก รวดเร็ว และสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างใกล้ชิด ปลอดภัย สะดวกสบายมากขึ้น
วัตถุประสงค์ของโครงการพัฒนา
- พัฒนา 9 CARE Platform โดยยกระดับให้เป็นระบบ Telemedicine ที่ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่านอุปกรณ์ IoT และรองรับบริการทางการแพทย์แบบครบวงจรผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
- เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ยกระดับการให้บริการโดยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลจากแพทย์ได้สะดวกขึ้น สามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสุขภาพ ผ่าน Smart Health Devices และ Medical IoT เพื่อให้การดูแลสุขภาพที่บ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- พัฒนา 9 CARE Shop ให้เป็นศูนย์กลาง เป็นช่องทางจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่อกับ 9 CARE Platform เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย และ เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพที่บ้าน
2.1 9 CARE Application เป็น Telemedicine Platform ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์สามารถวินิจฉัยและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องเดินทาง ลดข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ นอกจากนี้ ระบบยังรองรับการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personal Care Plan) ซึ่งแพทย์จะร่วมออกแบบแผนการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ระบบยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพให้กับครอบครัวของผู้ป่วยได้รับทราบทันที เพื่อให้สามารถดูแลกันได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ โดยมีทีมพยาบาลวิชาชีพคอยติดตามอาการอย่างใกล้ชิดผ่านอุปกรณ์ Medical IoT ที่สามารถมอนิเตอร์ค่าสุขภาพของผู้ป่วยได้แก่
- เครื่องวัดความดันโลหิต
- เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด
- เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย
- เครื่องชั่งน้ำหนัก
- Smart Watch ที่ช่วยติดตามข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์
แผนการพัฒนา 9 CARE Platform
📌 การขยายบริการ Telemedicine 24 ชั่วโมง
- เปิดให้ผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอลได้ทุกที่ ทุกเวลา
- รองรับผู้ป่วยในประเทศและต่างประเทศ โดยไม่มีปัญหาเรื่อง Time Zone
- เพิ่มทีมแพทย์เฉพาะทางให้พร้อมให้บริการตลอด 24 ชม.
📌 Personal Care Plan & Medical IoT
- พัฒนาแผนสุขภาพเฉพาะบุคคลร่วมกับแพทย์และพยาบาล
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดัน น้ำตาลในเลือด Smart Watch เพื่อมอนิเตอร์ค่าต่างๆ
📌 เพิ่มระบบใบรับรองแพทย์ออนไลน์ (e-Medical Certificate)
- พัฒนาระบบออกใบรับรองแพทย์แบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตรฐาน
- รองรับการใช้งานร่วมกับ Telemedicine และการรักษาที่โรงพยาบาล
📌 Feature เช็คสิทธิ์ประกันสุขภาพ
- เพิ่มฟังก์ชันในแอป 9 CARE ให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสิทธิ์ประกันสุขภาพได้เอง
2.2 9 CARE Shop ถูกพัฒนาให้เป็นช่องทางจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ 9 CARE Platform เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพที่บ้าน โดยมุ่งเน้นอุปกรณ์ที่ช่วยติดตามและมอนิเตอร์สุขภาพแบบเรียลไทม์ สนับสนุนการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
แผนการพัฒนา 9 CARE Shop
- 📌 เพิ่มสินค้า Medical Devices & Smart Health Devices
- ขยายรุ่นของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดอุณหภูมิโดยสามารถเชื่อมข้อมูลสุขภาพ เข้ากับ 9 CARE application ได้
- เพิ่มอุปกรณ์ใหม่ตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น เครื่องพ่นยา
📌 จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการใช้ Smart Watch
- แนะนำฟีเจอร์ใหม่ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
- จัดทำโปรโมชันพิเศษร่วมกับโรงพยาบาล
📌 พัฒนาช่องทางให้บริการผ่าน Line OA: Praram9V
- ให้คำแนะนำและบริการหลังการขายสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์
- ตอบคำถามเกี่ยวกับค่าสุขภาพและการใช้งานอุปกรณ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ผลกระทบเชิงบวก: โอกาสทางธุรกิจ
- เพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้า ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ช่วยขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มที่ไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาล
- สร้างรายได้จากบริการใหม่ๆ
- Telemedicine สร้างช่องทางรายได้จากการให้คำปรึกษาออนไลน์
- Medical IoT & Smart Devices เพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการขายอุปกรณ์สุขภาพผ่าน 9 CARE Shop
- Personal Care Plan เป็นบริการเสริมที่สร้างความผูกพันกับลูกค้าและเพิ่มรายได้ระยะยาว
- เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน
- สร้างภาพลักษณ์องค์กรด้านนวัตกรรมและDigital Healthcare และตอบโจทย์แนวโน้มของ Smart Hospital และ Personalized Healthcare
ผลกระทบเชิงลบ: ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy & Security Risk)
- ความท้าทายด้านเทคโนโลยีและการบำรุงรักษาระบบ (Technology & System Maintenance Risk)
- การปรับตัวของบุคลากรและผู้ป่วย (Adoption & Usability Risk)
- ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน (Market Competition Risk) ตลาด Digital Health มีการแข่งขันสูง แพลตฟอร์ม Telemedicine อื่นๆ อาจมีข้อได้เปรียบในด้านราคาหรือเครือข่ายแพทย์
- ความท้าทายด้านกฎหมายและข้อกำหนดทางการแพทย์ (Regulatory & Compliance Risk)
เป้าหมาย
- เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการ Telemedicine ของโรงพยาบาลให้เติบโตขึ้น
- ขยายจำนวนผู้ใช้งาน 9 CARE Application
- เพิ่มยอดขาย 9 CARE Shop และกระตุ้นการใช้ Smart Health Devices ร่วมกับแพลตฟอร์ม
- พัฒนาระบบ e-Medical Certificate และ ระบบเช็คสิทธิ์ประกันสุขภาพ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้าง Line OA: Praram9V เป็นช่องทางดูแลลูกค้าหลังการขาย รายงานปัญหาให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง
โครงการ 9 CARE Platform และ 9 CARE Shop เป็นก้าวสำคัญของโรงพยาบาลพระรามเก้าในการพัฒนา Digital Health ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้รับบริการให้ดียิ่งขึ้น