สารจากประธานกรรมการ และ กรรมการผู้อำนวยการ
ในปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลพระรามเก้าได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับตัวและพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ได้พิสูจน์ศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ด้วยผลงานที่น่าประทับใจและรางวัลอันทรงเกียรติหลายรายการความสำเร็จเหล่านี้แสดงถึงมาตรฐานการให้บริการที่เหนือระดับ เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยผลักดันให้โรงพยาบาลพระรามเก้าก้าวสู่ SET 100 ในปี 2568 ซึ่งเป็นอีกก้าวที่สำคัญต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในตลาดหลักทรัพย์
ปี 2567 รายได้รวม 4,690.5 ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานโรงพยาบาล 4,635.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 712.7 ล้านบาท รวมทั้งสินทรัพย์ 6,399.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับหนี้สินรวม 960.6 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 5,438.5 ล้านบาท
สำหรับก้าวต่อไปในปี 2568 โรงพยาบาลมุ่งสู่การเป็น AI driven hospital ด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้อย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม แนวคิดในการลดก๊าชเรือนกระจก (Greenhouse Gas (GHG) Reduction) และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าให้เป็นส่วนหนึ่งของ DNA องค์กร ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้กระดาษ ไฟฟ้า และน้ำ ร่วมกันผลักดันมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี 2065 ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจก
ขอขอบคุณผู้รับบริการ คู่ค้า นักลงทุน ชุมชน และบุคลากรทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจสร้างความสำเร็จนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่าโรงพยาบาลพระรามเก้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนสืบไป
ประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ 3 ลำดับแรก ที่ส่งผลสำคัญต่อธุรกิจ
1. Climate change
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อความยั่งยืนของโลก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 13: Climate Action) ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและก่อให้เกิดความท้าทายหลายมิติ ทั้งความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึง การสร้างความเสียหายต่ออาคารสถานที่ รวมถึง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน อันอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวม ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลพระรามเก้า จึงได้มีการเตรียมความพร้อมและกำหนดแนวทางการจัดการเพื่อหลีกเลี่ยง การวางแผนปรับตัว ตลอดจน การวางแผนเพื่อลดและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจเกิดขึ้น โดยได้ริเริ่มแผนงานและโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับองค์กรสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ การส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการของเสียอย่างถูกวิธี รวมถึง การเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ของโครงสร้างพื้นฐาน และ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบจาก ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสร้างหลักประกันความต่อเนื่องในการให้บริการสุขภาพ
2. Innovation & Collaboration : SMART Hospital
โรงพยาบาลพระรามเก้าให้ความสำคัญกับ "Innovation & Collaboration" โดยประยุกต์ใช้นวัตกรรมและความร่วมมือทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างคุณค่าให้ผู้รับบริการได้อย่างยั่งยืน โครงการ SMART Hospital ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 9: Industry, Innovation and Infrastructure) สะท้อนแนวทางนี้อย่างชัดเจนผ่านการนำเทคโนโลยีและ LEAN Process มาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของโรงพยาบาล โดยมุ่งหวังประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนและระยะเวลารอคอย พร้อมยกระดับคุณภาพการบริการ ซึ่งทั้งหมดนี้ สอดรับกับวิสัยทัศน์ขององค์กร ที่มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบการบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. Waste Management
การจัดการของเสีย เนื่องจากขยะและของเสียถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบเชิงลบหลายด้าน ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการก่อให้เกิดมลพิษและการทำลายระบบนิเวศ ต่อสุขภาพของประชาชนจากการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและสารพิษ และ ต่อเศรษฐกิจสังคมจากค่าใช้จ่ายในการจัดการ และการสูญเสียทรัพยากรที่มีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขยะทางการแพทย์ ซึ่งการจัดการอย่างถูกวิธีในโรงพยาบาลมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค สร้างความปลอดภัยให้บุคลากร ปกป้องสิ่งแวดล้อม และเป็นไปตามกฎหมาย โรงพยาบาลพระรามเก้า จึงได้ให้ความสำคัญและมีโครงการลดปริมาณ และ คัดแยกขยะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) ผ่านการจัดการของเสียตลอดวงจรชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ การจัดการขยะและของเสียโดยรวมอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกันในสังคมเพื่อความยั่งยืน
มุ่งสู่ NET ZERO
เพื่อให้นโยบายการดำเนินงานด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) มีแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจนทั้งงระยะสั้นและระยะยาว จึงกำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ Net Zero ภายใน ปี ค.ศ. 2065 โดยจะดำเนินการวางแผนงานการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในการลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ